2554/05/02

10 สมุนไพรจีนบนพื้นบ้านไทย หาง่าย ดีต่อสุขภาพด้วย

  คนไทยเรามีคำสุภาษิต "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" แต่ถ้าเป็นตำรับจีนแล้ว อาหารทุกอย่างคือยาบำรุงร่างกายทั้งนั้นหากเรารู้จักและใช้อย่างถูกต้อง และ 10 อย่างนี้คืออาหารที่คนไทยเรารู้จักกันดี แต่คุณจะรู้มั้ยถึงสรรพคุณของมัน?

1. เห็ดหลินจือ
          ในปี 2003 การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology ยืนยันว่าเห็ดหลินจือโดดเด่นในสรรพคุณของสารต้านอนุมูลอิสระ ผู้ป่วยเอดส์และมะเร็งบางรายจึงใช้เห็ดหลินจือในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เร่งการผลิตเม็ดเลือดขาว บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้ชาย และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตหรือแพร่กระจายของเนื้องอกในร่างกาย อย่างไรก็ดี เห็ดหลินจืดมีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง เช่น อาจทำให้คลื่นเหียน คัน และหากกินมากเกินไป อาจกระตุ้นอาการบ้านหมุนก็ได้


2. เก๋ากี้
          มีชื่ออินเตอร์ว่า "โกจิเบอร์รี่" (แต่คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับชื่อภาษาจีนมากกว่า) เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม วิตามินบี 2 วิตามิน และยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อีกด้วย แม้โดยรวมจะไม่มีการพิสูจน์ทางคลินิก แต่ก็เชื่อกันว่าเก๋ากี้มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ


3. เกาลัดจีน
          เกาลัดต่างจากถั่วหรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ตรงที่มันมีไขมันน้อยมาก แต่กลับเป็นถั่วชนิดเดียวที่มีวิตามินซี เทียบเท่ากับมะนาว แน่นอนว่ามันเป็นพืชจึงไม่มีคอเลสเตอรอล เกาลัดจีนมีสารอาหารคล้ายข้าวกล้อง จึงมีคำกล่าวว่ามันคือ "ธัญพืชที่เกิดบนต้นไม้" ด้วย ความที่มันมีกรดโฟลิก วิตามินซี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มันจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ชาวจีนโบราณยังเชื่อว่าเกาลัดจะช่วยให้ลมหายใจหวานสดชื่นอีกด้วย


4. เก๊กฮวย
          ชาเก๊กฮวยถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านมานานในฐานะยาลดไข้ โดยมีสารอาหารทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 กรดอะมิโน ฟลาวานอยด์ เชื่อกันว่ามันจะช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล "เลว" และบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก นอกจากนี้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology ก็ยังเปิดเผยว่ามันมีสรรพคุณช่วยปกป้องระบบประสาทจากความแก่ชราหรืออาการบาด เจ็บต่าง ๆ ดังนั้น เป็นหนุ่มสาวก็ดื่มได้ประโยชน์ดีเช่นกัน

          Tip : เปลี่ยนจากชาฝรั่งมาดื่มชาเก๊กฮวยกันบ้าง โดยนำดอกเก๊กฮวยแห้งแช่ในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที ก็จะได้ชาเก๊กฮวยสีเหลืองที่หอมกลิ่นดอกไม้


5. แปะก๊วย
          เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหับสุภาพสตรีที่กำลังเข้าสู่วัยทอง เนื่องจากมันมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งอาจช่วยทำหน้าที่แทนฮอร์โมนที่ไม่สมดุลได้ นักวิจัยจึงเชื่อว่ามันมีสรรพคุณบรรเทาอาการของวัยของหลายอย่าง ได้แก่ โรคกระดูกพรุน โรคนอนไม่หลับ อัลไซเมอร์ และโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม การกินแปะก๊วย ก็อาจให้ผลข้างเคียง อย่างเช่น ท้องร่วง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน เลือดไหลหรือผิวช้ำผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าวก็ให้รีบไปพบแพทย์เสีย

เห็ดหอม

6. เห็ดหอม
          อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินซี โปรตีน และใยอาหาร เห็ดหอมอยู่ในตำรับยาจีนมานานกว่า 6 พ้นปี โดยเชื่อว่ามันสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้เพราะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Letinan คอยต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่าง ๆ มันอัดแน่นไปด้วย L-Ergothioneine สารต้านอนุมูลอิสระ และดีต่อหัวใจ เนื่องจากมันช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในเห็ดหอมมีสาร Purines หากกินมากเกินไปแล้วอาจทำให้มีการสะสมกรดยูริกจนเสี่ยงต่อโรคเกาต์ และนิ่วในไตอย่างมาก คนที่มีปัญหาไต หรือเกาต์จึงไม่ควรกินเห็ดหอม


7. เมล็ดบัว
          เป็นแหล่งโปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส รวมถึงเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า L-lsoaspartyl Methyltransferase ซึ่งช่วยซ่อมแซมโปรตีนที่ถูกทำลาย นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อกันว่าเมล็ดบัวเป็นอาหารที่ช่วยชะลอความแก่ชราได้ใน ตำรับจีนเชื่อว่า รสหวานโดยธรรมชาติของเมล็ดบัวจะช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง และช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้นอนหลับสบาย ส่วนแกนของเมล็ดนั้นมีรสขมและมีฤทธิ์เย็น จึงดีต่อหัวใจ โดยการช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยมีสรรพคุณรักษาอาการท้องร่วง คนที่ท้องผูกจึงควรหลีกเลี่ยงเมล็ดบัวโดยเด็ดขาด
โสมเกาหลี


8. โสม
          หากพูดกันถึงสมุนไพรจีนคงขาดโสมไปไม่ได้โสมแดงของจีนนั้นถูกใช้ในทางการ แพทย์มาหลายศตวรรษ และในปัจจุบันก็ยังมีการใช้อย่างแพร่หลาย ในสมัยโบราณเชื่อว่าโสมเป็นยาอายุวัฒนะส่งเสริมปัญญาและความแข็งแรง แม้ว่ายังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่การศึกษาจาก University of Maryland ก็ชี้ว่าโสมสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้จริง ช่วยลดคอเลสเตอรอลเลว และช่วยให้กระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ดี โสมไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง คนที่เป็นเบาหวาน สตรีมีครรภ์ และหญิงสาวที่กำลังให้นมบุตร


9. รากชะเอม
          นอก จากใช้ในตำรับจีนแล้วยังสาวต้นตอไปได้ถึงสมัยโรมันซึ่งมีการต้มรากชะเอม เพื่อบรรเทาอาการไอ หอบ เจ็บคอ โรคปอดอื่น ๆ และเชื่อว่ามันจะช่วยชะล้างภายในลำไส้ได้ นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้หญิงวัยทองเนื่องจากมันมีไฟโตเอสโตรเจนด้วย อย่างไรก็ตาม การกินรากชะเอมมาก ๆ ก็อาจทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรกินพร้อมกับยาขับปัสสาวะ เช่นเดียวกับที่คนเป็นโรคเบาหวานกับโรคตับ ควรจะหลีกเลี่ยงรากชะเอมเหมือนกัน


10. เฉาก๊วย
          ด้วยเหตุที่มันดำ แวววาว และเด้งดึ๋ง เป็นที่สุด คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนึกถึงเฉาก๊วยในแง่ของสมุนไพรหรืออาหารเพื่อสุขภาพ เฉาก๊วยมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Black Jelly หรือ Grass Jelly ซึ่งตัวมันเองเป็นอาหารที่มีธาตุหยิน หรือเป็นอาหารเย็นนั่นเอง ทำให้เหมาะจะกินในหน้าร้อน และบรรเทาอาการปวดท้อง คลื่นเหียน อาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ ยังมีใยอาหารชนิดละลายในน้ำ ซึ่งอาจจับเอาน้ำตาลและไขมันออกมาได้ มันจึงช่วยป้องกันเบาหวานและโรคหัวใจได้อีกทางหนึ่ง (ตราบใดที่คุณไม่ใส่น้ำเชื่อมเยอะมากเกินไปละก็นะ)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

2554/05/01

คลายร้อน...ด้วยการบริโภคอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ

วิตามินบี
 


"สำหรับในหน้า ร้อน ร่างกายของเราจะมีการขับเหงื่อมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหรืออาจเกิดอาการภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ เพราะน้ำในร่างกายจะสูญเสียไปกับเหงื่อ แต่มีสมุนไพรไทยหลายชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยลดคลายร้อน ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีรสขมจะมีฤทธิ์เย็นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น รวมทั้งช่วยปรับธาตุในร่างกายให้สมดุล เช่น มะระ ใบบัวบก แตงกวา สะเดา ขี้เหล็ก แตงโม กระเจี๊ยบ ฯลฯ อาหารในแต่ละมื้ออาจจะมีสมุนไพร เหล่านี้อยู่สักหนึ่งเมนู จะเป็นยอดมะระต้มจิ้มกับน้ำพริกหรือแกงขี้เหล็กปลาย่าง นอกจากจะช่วยดับร้อนแล้วยังช่วยในส่วนของระบบขับถ่ายอีกด้วย หรือหากต้องการดับกระหายก็เลือกดื่มน้ำแตงโม น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว น้ำมะตูม น้ำยาอุทัย ผลไม้เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสดชื่นและดับกระหายได้"

          ด้านโภชนากรซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ ได้ให้คำแนะนำว่าในฤดูร้อน อาหารเบา ๆ เหมาะสำหรับร่างกายของคนเรามากกว่าอาหารหนักซึ่งเหมาะสำหรับรับประทานในฤดู หนาวที่มีอากาศหนาวเย็น ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเพราะอากาศร้อนที่ทำให้เราต้องการบริโภคอาหารเบาๆ หรือเป็นเพราะมีอาหารสำหรับหน้าร้อนให้เลือกรับประทานหลากหลายชนิด แต่จริงๆ แล้ว โดยธรรมชาติของร่างกายคนเราจะเปิดรับน้ำและผักผลไม้ที่อุดมด้วยน้ำในยาม อากาศร้อนมากที่สุด

          อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในหน้าร้อนทำให้ร่างกายของเราขับเหงื่อออกมากขึ้น ส่งผลให้เราสูญเสียน้ำและแร่ธาตุหลากหลายชนิดในร่างกาย อาทิ โซเดียม โปแตสเซียม และแมกนีเซียม เป็นต้น น้ำและแร่ธาตุส่วนที่ถูกขับออกจากร่างกายนั้นไม่มีการสร้างเสริมขึ้นมาทดแทน ใหม่ เราจึงรู้สึกอ่อนเพลียและไร้เรี่ยวแรง ซึ่งแน่นอนว่าสภาวะเช่นนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยากออกไปสนุกสนานในฤดูร้อน...และต่อไปนี้ คือสุดยอดอาหารคลายร้อนที่โภชนากรซูซานแนะนำ

          สุดยอดอาหารคลายร้อน

          ผักและผลไม้ทุกชนิดอุดมด้วยน้ำ และส่วนใหญ่ก็เป็นแหล่งสร้างเสริมโปแตสเซียมที่ดี ดังนั้น "ผลไม้" จึงเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับฤดูร้อน แต่ยังมี สุดยอดอาหารคุณภาพอีก 4 ประเภท ที่ช่วยทำให้คลายร้อนได้มากขึ้น ได้แก่ ผลไม้จำพวกแตง (Melon) เบอร์รี่ ผักขม และพริกไทย...แต่จะสุดยอดอย่างไรล่ะ!.


ผลไม้จำพวกแตง
  อันดับ 1 : ผลไม้จำพวกแตง

          บรรดาเหล่าแตงทั้งหลาย อาทิ แตงโมและ แคนตาลูป ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำสูงถึง 95% จึงสามารถทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปเนื่องจากอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอุดมด้วยโปแตสเซียม โดยเฉพาะแคนตาลูปซึ่งถือเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกประเภทหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีโปแตสเซียมสูงกว่าแตงโมถึง 3 เท่าแล้ว สีส้มของแคนตาลูปยังมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้รับผลกระทบจากรังสีอุ ลตร้าไวโอเล็ตอีกด้วย

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

  อันดับ 2 : ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

          ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้รสอร่อยประจำฤดูร้อน มีส่วนผสมของน้ำและสารประกอบทางธรรมชาติสำหรับรักษาอาการปวดบวมอักเสบ ซึ่งสารดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยาแอสไพริน ดังนั้น การบริโภคเบอร์รี่รสหวานฉ่ำอร่อยเลิศ จึงช่วยลดอาการอักเสบและช่วยถอนพิษจากการเผาไหม้ของแสงแดดฤดูร้อนได้เป็น อย่างดี

ผักโขม

  อันดับ 3 : ผักโขม

          ผักโขม ให้คุณประโยชน์หลัก 2 ประการ ประการแรก...ผักขมและผักใบเขียวนอกจากจะอุดมไปด้วยน้ำ ยังเป็นแหล่งสะสมของแมกนีเซียม หนึ่งในแร่ธาตุที่เราสูญเสียไปพร้อมกับเหงื่อที่ถูกขับออกจากร่างกาย นอกจากนี้ ใบสีเขียวเข้มของผักขมยังมีสารลูติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงช่วยปกป้องผิวและสายตาจากการถูกทำลายจากแสงแดด

พริกไทย
  อันดับ 4 : พริกไทย

          พริกไทย อาจเป็นตัวเลือกอันดับสุดท้ายสำหรับหลายๆ คนที่จะนำมาบริโภคในช่วงอากาศร้อน แต่ในความเป็นจริงเราจะพบว่าพริกไทยที่เผ็ดร้อนสามารถกระตุ้นให้เกิดการขับ เหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิวจะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายแก่ร่างกายของ เราได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ พริกไทยยังมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้นอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกคุกคามของ แสงแดดและหากคุณยังรู้สึกร้อนระอุ ลองบริโภคอาหารรสจัดและมีกลิ่นฉุนอย่างกระเทียมสดและขิง ซึ่งมีคุณสมบัติในการขับเหงื่อเหมือนกัน ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ...
         
          แม้ว่าผลไม้และผักจะมีส่วนประกอบของน้ำในปริมาณมาก แต่ไม่ควรบริโภคเพราะผลไม้และผักแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในหน้าร้อน ควรดื่มน้ำมากๆ และพยายามอย่าให้เกิดความรู้สึกกระหาย เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายของคุณสั่งให้คุณดื่มเครื่องดื่ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณมีอาการค่อนข้างขาดน้ำ เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬาจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกตัวหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่คุณออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อนขึ้น เกลือแร่จะช่วยดูดซับความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายได้สูงสุด

          การดื่มเครื่องดื่มที่เหมาะสมร่วมกับการบริโภคผักและผลไม้สดในปริมาณมากจะ ช่วยทำให้คุณคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยทดแทนน้ำ และเกลือแร่ที่สูญเสียจากการขับเหงื่อของร่างกาย นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการคุกคามของแสง แดด ทำให้คุณคลายร้อนและรู้สึกเย็นกายสบายใจท่ามกลางอุณหภูมิของอากาศอันร้อน ระอุ...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก